ยาสามชนิดที่ใช้อย่างต่อเนื่องอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อไตวาย

 ยาสามชนิดที่ใช้อย่างต่อเนื่องอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อไตวาย: สิ่งที่คุณควรรู้เพื่อป้องกันตัวเอง

 

การใช้ยาบางชนิดอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของไต ยาสามชนิดต่อไปนี้คือกลุ่มยาที่พบว่าการใช้บ่อยๆ หรือนานเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไตวาย เรามาทำความรู้จักกับยาเหล่านี้และเรียนรู้วิธีการใช้ยาอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันปัญหาไตวาย

  1. ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (Nonsteroidal Anti-Inflammatory Drugs)

ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน  นาพรอกเซน  และแอสไพริน  เป็นยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับบรรเทาอาการปวดและอักเสบ แม้จะมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการ แต่การใช้ยากลุ่มนี้เป็นเวลานานและบ่อยครั้งสามารถทำลายเนื้อเยื่อไตและลดประสิทธิภาพการกรองของไตได้

 

NSAIDs ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังไตลดลง ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเลือดไปเลี้ยงไตไม่เพียงพอ (Renal Hypoperfusion) ซึ่งในระยะยาวอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลันหรือเรื้อรังได้ ดังนั้นควรใช้ยาเหล่านี้ในปริมาณและระยะเวลาที่แพทย์กำหนดเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับยาที่มีผลต่อไตตัวอื่นๆ

 

  1. ยาปฏิชีวนะบางชนิด

ยาปฏิชีวนะ เช่น อะมิโนไกลโคไซด์  รวมถึงเจนตามัยซิน  และโทบรามัยซิน  เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ยากลุ่มนี้สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อไตได้ โดยเฉพาะหากใช้ในปริมาณสูงหรือนานเกินไป

 

อะมิโนไกลโคไซด์มีความเป็นพิษต่อเซลล์ไต ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อไตและลดประสิทธิภาพในการทำงานของไต ในบางกรณี อาจทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้ การใช้ยาปฏิชีวนะเหล่านี้ควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์และหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับยาที่มีผลกระทบต่อไต

  1. ยาขับปัสสาวะ 

ยาขับปัสสาวะ เช่น ฟูโรเซไมด์  และไฮโดรคลอโรไทอาไซด์  เป็นยาที่ใช้ในการรักษาภาวะบวมน้ำหรือความดันโลหิตสูง ยากลุ่มนี้ทำงานโดยการเพิ่มการขับปัสสาวะ ซึ่งช่วยลดการสะสมของน้ำในร่างกาย

 

อย่างไรก็ตาม การใช้ยาขับปัสสาวะในปริมาณมากหรือนานเกินไปอาจทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น และอาจเกิดการสูญเสียอิเล็กโทรไลต์สำคัญ เช่น โพแทสเซียมและโซเดียม ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของไต การขาดแคลนสารเหล่านี้อาจส่งผลให้การทำงานของไตเสื่อมลง และในบางกรณีอาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้

การใช้ยาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ปรึกษาแพทย์อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงต่อไตได้ ยาในกลุ่ม NSAIDs ยาปฏิชีวนะบางชนิด และยาขับปัสสาวะเป็นตัวอย่างของยาที่ควรใช้อย่างระมัดระวัง

หากต้องใช้ยาเหล่านี้เป็นเวลานานควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการตรวจสอบการทำงานของไตเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะไตวาย

ทั้งนี้การป้องกันและรักษาสุขภาพไตเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการใช้ยาอย่างถูกต้องตามคำแนะนำและการรักษาสุขภาพทั่วไปให้ดีอยู่เสมอ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล

ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis)

ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังเกิดการอักเสบ ซึ่งสามารถปรากฏเป็นผื่นแดง คัน ผิวแห้ง หรือมีตุ่มน้ำใส ๆ ผิวหนังอักเสบเป็นโรคที่พบได้ทั่วไปและมีหลายประเภท โดยผื่นผิวหนังอักเสบที่พบบ่อย ได้แก่ ผื่นผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส  ผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Atopic Dermatitis หรือ Eczema) และผื่นผิวหนังอักเสบจากการระคายเคือง 

สาเหตุของการเกิดผิวหนังอักเสบ:

  1. ผื่นผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส

ผิวหนังอักเสบชนิดนี้เกิดจากการสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ เช่น เครื่องสำอาง สบู่ น้ำหอม หรือสารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เมื่อผิวหนังสัมผัสกับสารเหล่านี้จะทำให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน นำไปสู่การอักเสบของผิวหนัง

 

  1. ผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้

ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดนี้มักพบในผู้ที่มีประวัติครอบครัวที่เป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก อาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ หรือความเครียด ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้มักจะเกิดขึ้นที่ใบหน้า แขน ข้อพับ หรือขา

 

  1. ผื่นผิวหนังอักเสบจากการระคายเคือง

ผิวหนังอักเสบชนิดนี้เกิดจากการสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีความเป็นกรดหรือด่างสูง ผิวหนังอาจตอบสนองต่อการระคายเคืองด้วยการเกิดการอักเสบ ผิวหนังลอก หรือเป็นสะเก็ด

 

วิธีการดูแลรักษาผิวหนังอักเสบ:

 

  1. การหลีกเลี่ยงสารก่อการอักเสบ:

การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้เป็นวิธีการที่สำคัญในการป้องกันและรักษาผิวหนังอักเสบ หากทราบว่าสารใดเป็นสาเหตุของการอักเสบ ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารนั้น ๆ

 

  1. การรักษาความสะอาดของผิวหนัง: 

การรักษาความสะอาดของผิวหนังเป็นสิ่งสำคัญ ควรล้างผิวหนังด้วยน้ำอุ่นและสบู่ที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมและสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง

 

  1. การใช้ยาทาเฉพาะที่:

สำหรับผิวหนังอักเสบที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจสั่งยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) แบบทาเพื่อช่วยลดการอักเสบและอาการคัน นอกจากนี้ ยังมีการใช้ยาต้านฮิสตามีน (Antihistamines) เพื่อลดอาการคันในบางกรณี

 

  1. การใช้ยารับประทาน

ในกรณีที่ผิวหนังอักเสบรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อยาทาเฉพาะที่ แพทย์อาจสั่งยาคอร์ติโคสเตียรอยด์หรือยาต้านฮิสตามีนรับประทานเพื่อลดการอักเสบและอาการคัน

 

  1. การจัดการความเครียด: 

ความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดผิวหนังอักเสบได้ การจัดการความเครียดด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย หรือการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผิวหนังอักเสบ

 

ผิวหนังอักเสบสามารถควบคุมได้ด้วยการดูแลที่เหมาะสมและการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น การรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง การหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ และการใช้ยาที่แพทย์สั่งจะช่วยให้ผิวหนังอักเสบหายเร็วขึ้นและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำในอนาคต

 

สนับสนุนบทความนี้โดย    เครื่องช่วยฟัง

โรคกลัวความรัก หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Philophobia

โรคกลัวความรัก หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Philophobia เป็นภาวะทางจิตที่ทำให้บุคคลรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับการตกหลุมรักหรือมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคนอื่น ซึ่งโรคนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์ของบุคคลนั้น

โรคนี้อาจเกิดจากประสบการณ์ที่เจ็บปวดในอดีต เช่น การเลิกรา การสูญเสียคนที่รัก หรือถูกปฏิเสธ ซึ่งทำให้เกิดความกลัวที่จะเจ็บปวดอีกครั้งหากเข้าสู่ความสัมพันธ์ใหม่

อาการของโรคนี้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่อาการทั่วไปที่มักพบ ได้แก่

ความวิตกกังวลหรือความเครียดเมื่อมีคนแสดงความสนใจหรือความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับความรัก

บางคนอาจหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์โดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการออกเดต

การมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด หรือแม้กระทั่งการพูดคุยเรื่องความรัก

นอกจากนี้ คนที่มีโรคกลัวความรักมักจะมีการตอบสนองทางร่างกายต่อความวิตกกังวล เช่น หายใจไม่สะดวก หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก

 

 

รู้สึกเหมือนจะเป็นลมเมื่อคิดถึงการมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับใครบางคน

สาเหตุของโรคนี้อาจมาจากหลายปัจจัย ทั้งทางจิตใจและประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์ที่เคยทำให้เจ็บปวดในความสัมพันธ์อาจทำให้เกิดความกลัวที่จะถูกทำร้ายอีกครั้ง

นอกจากนี้ การสูญเสียคนที่รัก เช่น การเสียชีวิตของคนรักในอดีต หรือการเลิกราที่ยากลำบาก อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความกลัวในความรักขึ้นมาได้

ความกลัวนี้อาจเกี่ยวข้องกับความนับถือตนเองต่ำ (low self-esteem) และความเชื่อว่าไม่มีใครรักหรือยอมรับตนเองได้

ทำให้ไม่กล้าเปิดใจให้กับความรัก นอกจากนี้ การที่บุคคลเคยมีประสบการณ์ถูกปฏิเสธหรือถูกทรยศในอดีตอาจทำให้เกิดความกลัวที่จะเสียใจซ้ำ

 

โรคกลัวความรักสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์ของบุคคลที่มีอาการนี้ การที่บุคคลไม่สามารถเปิดใจให้กับความสัมพันธ์อาจทำให้เกิดความโดดเดี่ยวและความเหงา ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า

นอกจากนี้ ความวิตกกังวลที่เกี่ยวข้องกับความรักอาจทำให้เกิดความเครียดเรื้อรังซึ่งส่งผลต่อสุขภาพกายและจิตใจ

การรักษาโรคกลัวความรักมักเกี่ยวข้องกับการให้คำปรึกษาและการบำบัดทางจิต โดยเฉพาะการบำบัดพฤติกรรมทางความคิด (Cognitive Behavioral Therapy หรือ CBT)

ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้บุคคลเข้าใจและจัดการกับความกลัวของตนเองได้ นอกจากนี้ การบำบัดในกลุ่ม (group therapy) อาจช่วยให้บุคคลที่มีประสบการณ์เดียวกันสามารถแลกเปลี่ยนและสนับสนุนกันได้

การสร้างความมั่นใจในตนเองและการเรียนรู้ที่จะจัดการกับความรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลเมื่อเผชิญกับความสัมพันธ์สามารถช่วยให้บุคคลมีความสามารถในการเปิดใจและเข้าสู่ความสัมพันธ์อย่างเป็นธรรมชาติได้อีกครั้ง

โรคกลัวความรักเป็นภาวะทางจิตที่ทำให้บุคคลมีความกลัวหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้อื่น แม้ว่าจะมีสาเหตุจากประสบการณ์ที่เจ็บปวดในอดีต แต่การบำบัดและการรักษาทางจิตวิทยาสามารถช่วยให้บุคคลมีความเข้าใจและเอาชนะความกลัวนี้ได้

 

ผู้ให้การสนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟัง

นี่คือสิ่งที่ผู้ประกอบการจะเปลี่ยนไปในปี 2566

ไม่กี่ปีหลังของการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนดูเหมือนจะดำเนินต่อไปในปี 2566

การเทขายในตลาดตราสารทุนเมื่อเร็วๆ นี้ การออกรอบการระดมทุนที่ท้าทาย แต่ในทางกลับกัน ความท้าทายประเภทนี้ต่างหากที่จะสร้างเงื่อนไขที่สมบูรณ์แบบสำหรับธุรกิจใหม่ที่จะเกิดและสร้างขึ้น

ผู้ประกอบการที่ดีที่สุดเติบโตในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย พวกเขารู้วิธีที่จะจัดการกับความกลัวและตอบสนองต่อ – และแม้แต่กำหนด – การหยุดชะงัก พวกเขาเป็นพวกไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่กลัวที่จะตั้งคำถามแบบเดิมๆ และลองอะไรใหม่ๆ

พวกเขาสามารถมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่เราต้องการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกไปข้างหน้าและเอาชนะความท้าทายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น

การเกิดขึ้นของผู้ประกอบการรูปแบบใหม่ ในฐานะผู้ประกอบการเอง สิ่งหนึ่งที่เหนือสิ่งอื่นใดทำให้ฉันยังคงมองโลกในแง่ดี: ทุกที่ที่ฉันมองไป ฉันเห็นผู้ก่อตั้งรุ่นใหม่กำลังสร้างหรือวางแผนที่จะสร้างธุรกิจใหม่ ในสหราชอาณาจักร

เราได้เห็นวิกฤตค่าครองชีพที่กำลังดำเนินอยู่ได้กระตุ้นให้เกิดกระแสใหม่ต่อการเป็นผู้ประกอบการ

ซึ่งรวมถึงผู้หญิงมากขึ้นกว่าเดิม ผู้หญิงเกือบหนึ่งในห้า (17%) กำลังพิจารณาที่จะเริ่มต้นธุรกิจ เกือบครึ่ง (48%) อ้างถึงความปรารถนาที่จะมีเงินมากขึ้นและมีอิสระมากขึ้นในการเป็นเจ้านายของตนเองเป็นแรงจูงใจในการเริ่มต้น

การหยุดชะงักทางเศรษฐกิจอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างเงื่อนไขที่สมบูรณ์แบบสำหรับธุรกิจใหม่ที่จะเกิดและสร้างขึ้น ผู้ประกอบการรุ่นเยาว์กำลังก้าวข้ามตลาดแรงงานแบบเดิม ในขณะที่ผู้ที่ทำงานแล้วกำลังมองหาสิ่งอื่นที่เร่งรีบ ในปี 2566

เราจะเห็นผู้ประกอบการรูปแบบใหม่เกิดขึ้น มีความหลากหลายมากขึ้น คำนึงถึงสังคมมากขึ้น และไม่กลัวที่จะวุ่นวาย ไม่กี่ปีหลังของการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนดูเหมือนจะดำเนินต่อไปในปี 2566

การเทขายในตลาดตราสารทุนเมื่อเร็วๆ นี้ การออกรอบการระดมทุนที่ท้าทาย แต่ในทางกลับกัน

ความท้าทายประเภทนี้ต่างหากที่จะสร้างเงื่อนไขที่สมบูรณ์แบบสำหรับธุรกิจใหม่ที่จะเกิดและสร้างขึ้น ผู้ประกอบการที่ดีที่สุดเติบโตในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย พวกเขารู้วิธีที่จะจัดการกับความกลัวและตอบสนองต่อ – และแม้แต่กำหนด – การหยุดชะงัก พวกเขาเป็นพวกไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

ไม่กลัวที่จะตั้งคำถามแบบเดิมๆ และลองอะไรใหม่ๆ พวกเขาสามารถมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่เราต้องการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกไปข้างหน้าและเอาชนะความท้าทายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น

การเกิดขึ้นของผู้ประกอบการรูปแบบใหม่ ในฐานะผู้ประกอบการเอง สิ่งหนึ่งที่เหนือสิ่งอื่นใดทำให้ฉันยังคงมองโลกในแง่ดี: ทุกที่ที่ฉันมองไป ฉันเห็นผู้ก่อตั้งรุ่นใหม่กำลังสร้างหรือวางแผนที่จะสร้างธุรกิจใหม่ ในสหราชอาณาจักร

เราได้เห็นวิกฤตค่าครองชีพที่กำลังดำเนินอยู่ได้กระตุ้นให้เกิดกระแสใหม่ต่อการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งรวมถึงผู้หญิงมากขึ้นกว่าเดิม ผู้หญิงเกือบหนึ่งในห้า (17%) กำลังพิจารณาที่จะเริ่มต้นธุรกิจ เกือบครึ่ง (48%)

เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล   อ้างถึงความปรารถนาที่จะมีเงินมากขึ้นและมีอิสระมากขึ้นในการเป็นเจ้านายของตนเองเป็นแรงจูงใจในการเริ่มต้น

ที่ซึ่งผู้ประกอบการหญิงพบบ่อยที่สุดและน้อยที่สุด ที่ซึ่งผู้ประกอบการหญิงพบบ่อยที่สุด คนอายุน้อยจำนวนมากที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ตัดสินใจว่าพวกเขาจำเป็นต้องทำมันด้วยตัวเอง แทนที่จะพึ่งพาคนอื่น

จากการวิจัยในสหราชอาณาจักร หนึ่งในห้าของผู้ค้าเพียงรายเดียวใน Gen Z กล่าวว่าธุรกิจขนาดเล็กของพวกเขาคืองานแรกของพวกเขาที่ไม่ได้เรียนมา โดยไม่เคยเข้าสู่ตลาดแรงงาน “แบบดั้งเดิม”

เทรนด์ธุรกิจ ในปี 2023

นี่คือสิ่งที่ควรมองหาในปีนี้ในโลกธุรกิจ ตั้งแต่เทคโนโลยีไปจนถึงสถานที่ทำงาน พลังงาน ทรัพยากร เงินทุนส่วนตัว การเดินทาง และทรัพย์สิน ด้วยปี 2023

ที่กำลังดำเนินไปด้วยดี มีภาคธุรกิจบางส่วนที่เป็นแนวหน้าของการพัฒนาทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของปี เราจะเจาะลึกลงไปในภาคส่วนเหล่านี้และพิจารณาถึงข้อเสียและข้อดีที่อาจเกิดขึ้นสำหรับแต่ละกรณี และดูที่ผู้คนซึ่งเป็นศูนย์กลางของทั้งหมด

พลังงาน แนวโน้มที่สำคัญที่สุด การแทรกแซงของรัฐบาลในตลาดพลังงานทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีที่แล้ว

และจะไม่หายไป รัฐบาลกลางหรือรัฐ – เลือกของคุณ – รัฐบาลดูเหมือนจะเป็นนักแสดงรายใหญ่ในภาคส่วนนี้เนื่องจากความอ่อนไหวเป็นพิเศษเกี่ยวกับภาระพิเศษที่เพิ่มขึ้นของราคาพลังงานกำลังวางอยู่บนครัวเรือนและธุรกิจที่ดิ้นรน ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดราคาถ่านหินและก๊าซ หรือการฟื้นคืนชีพของผู้จัดหาพลังงานในรัฐ เช่น คณะกรรมการการไฟฟ้าแห่งรัฐวิกตอเรีย

นักลงทุนสามารถคาดหวังว่ารัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจะได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจังจากการปฏิบัติจริง นักวิจารณ์อาจบ่นเกี่ยวกับการทำให้เป็นกึ่งชาติ ภาคการบังคับบัญชาและการควบคุม และการจัดระเบียบใหม่ แต่ก็ยากที่จะเห็นแนวโน้มนี้ถูกย้อนกลับ

สถานการณ์เลวร้ายที่สุด ไฟดับ ตลาดก๊าซชายฝั่งตะวันออกยังคงถูกขัดขวางหลังจากการกำหนดราคาอย่างเข้มงวดและการควบคุมราคาก๊าซอย่างต่อเนื่อง

ผู้ผลิตก๊าซปฏิบัติตามคำเตือนการลงทุนจนตรอก และฤดูหนาวที่หนาวเย็นนำไปสู่การขาดแคลนในรัฐทางตอนใต้และอาจเกิดไฟดับ ในสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลถูกบีบให้เรียกใช้กลไกการรักษาความปลอดภัยก๊าซภายในประเทศของออสเตรเลีย

เพื่อควบคุมการส่งออก LNG และสัญญาขาย LNG ระยะยาวมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กับคู่ค้าที่มีคุณค่าในเอเชียจะถูกทำลาย

ผลที่ตามมาคือความเสียหายอย่างถาวรต่อชื่อเสียงที่ได้รับรางวัลของออสเตรเลียในฐานะผู้จัดหาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความมั่นคงและมั่นคง นักลงทุนที่ทรงอำนาจในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และที่อื่นๆ ถอยห่างจากการลงทุนใหม่จำนวนมหาศาลที่จำเป็นต่อการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

สถานการณ์ที่ดีที่สุด รัฐบาลเริ่มที่จะต่อต้านการเลิกใช้ก๊าซธรรมชาติแบบประชานิยม

โดยตระหนักถึงส่วนเล็กๆ แต่สำคัญที่จะมีบทบาทในการสำรองพลังงานหมุนเวียนในการเปลี่ยนแปลงของระบบไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลให้มีการกำหนดจรรยาบรรณที่ใช้การได้ซึ่งช่วยให้การลงทุนไหลเข้าสู่การจัดหาก๊าซและทำให้ตลาดสัญญาฝั่งตะวันออกไม่หยุดนิ่ง

การผ่อนคลายท่าทีต่อต้านก๊าซในรัฐวิกตอเรียและรัฐน.ซ.ว.จะเป็นส่วนหนึ่งของภาพ เช่นเดียวกับการออกแบบกลไกกำลังการผลิตที่มีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่ควรทำในช่วงเปลี่ยนผ่านของตลาดไฟฟ้าแห่งชาติ

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    Hoiana