เสร็จแล้วไม่มีน้ำอสุจิออกเลยอันตรายไหม?

การหลั่งน้ำอสุจิ (ejaculation) เป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของเพศชายถึงจุดสุดยอด (orgasm) โดยน้ำอสุจิประกอบด้วยสเปิร์มและของเหลวที่ผลิตจากต่อมต่าง ๆ ในระบบสืบพันธุ์

อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี อาจเกิดภาวะที่เรียกว่า “ไม่มีน้ำอสุจิออกเลย” หรือ “ภาวะหลั่งน้ำอสุจิผิดปกติ” ซึ่งอาจทำให้เกิดความกังวลในผู้ชายหลายคน ว่ามันเป็นเรื่องปกติหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

สาเหตุที่อาจทำให้ไม่มีน้ำอสุจิออก

  1. ภาวะหลั่งน้ำอสุจิย้อนกลับ (Retrograde Ejaculation)  

   เป็นสาเหตุที่พบบ่อย เกิดจากการที่น้ำอสุจิไม่ไหลออกทางท่อปัสสาวะแต่ไหลย้อนกลับเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ สาเหตุหลักอาจเกิดจากการผ่าตัดที่เกี่ยวข้องกับต่อมลูกหมาก ท่อปัสสาวะ หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคเบาหวานหรือยาลดความดันโลหิต

 

  1. การอุดตันของท่อน้ำอสุจิ (Obstruction of Ejaculatory Duct)  

   หากท่อน้ำอสุจิอุดตัน จะทำให้น้ำอสุจิไม่สามารถออกมาได้ แม้ว่าร่างกายจะผลิตน้ำอสุจิได้ตามปกติ

 

  1. ปัญหาด้านระบบประสาท 

   การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง โรคเบาหวาน หรือโรคระบบประสาทอื่น ๆ อาจส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งน้ำอสุจิ

 

  1. การใช้ยาบางชนิด

   ยาที่มีผลต่อระบบประสาท เช่น ยารักษาโรคซึมเศร้าหรือยารักษาโรคความดันโลหิต อาจส่งผลต่อการหลั่งน้ำอสุจิได้

 

  1. ความเครียดและปัจจัยจิตใจ

   ความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้าอาจมีผลกระทบต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์

 

อันตรายหรือไม่?

การไม่มีน้ำอสุจิออกมาไม่จำเป็นต้องเป็นอันตรายเสมอไป แต่ควรตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแล เช่น การอุดตันของท่ออสุจิหรือภาวะหลั่งน้ำอสุจิย้อนกลับ

หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลต่อการเจริญพันธุ์ หรือหากเกี่ยวข้องกับโรคประจำตัว เช่น เบาหวานหรือความดันโลหิตสูง การไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้โรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น

 

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?

ควรไปพบแพทย์ทันทีหากคุณพบอาการดังนี้:

  1. ไม่มีน้ำอสุจิออกเลยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะถึงจุดสุดยอด
  2. มีปัญหาด้านสุขภาพอื่น ๆ เช่น ปวดหรืออักเสบในบริเวณอวัยวะเพศ
  3. มีภาวะมีบุตรยาก หรือไม่สามารถมีบุตรได้แม้พยายามมานาน

 

วิธีการรักษา

การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา แพทย์อาจแนะนำดังนี้:

  1. การใช้ยา    หากปัญหาเกิดจากการใช้ยาหรือโรคที่รักษาได้ด้วยยา เช่น เบาหวาน แพทย์อาจปรับยาหรือให้ยารักษาที่เหมาะสม
  2. การผ่าตัด   หากเกิดจากการอุดตันในท่ออสุจิ อาจต้องพิจารณาการผ่าตัดแก้ไข
  3. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม    การลดความเครียด การพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกายสม่ำเสมอสามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบสืบพันธุ์ได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย      เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว

ตื่นมามีน้ำไหลออกจากช่องคลอด เป็นเพราะเหตุใด

อาการที่พบว่าน้ำไหลออกจากช่องคลอดในตอนตื่นนอนนั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกายหรือปัญหาสุขภาพบางประการที่ควรใส่ใจ โดยสามารถแบ่งออกได้เป็นดังนี้:  

 

  1. การตกขาวตามธรรมชาติ 

การตกขาวเป็นการหลั่งสารคัดหลั่งจากต่อมในช่องคลอดและปากมดลูก ซึ่งเป็นกระบวนการปกติของร่างกายในการทำความสะอาดและรักษาความสมดุลของช่องคลอด

โดยลักษณะของตกขาวที่เป็นปกติจะมีสีขาวใสหรือขาวขุ่นเล็กน้อย ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่ทำให้เกิดอาการคันหรือระคายเคือง หากน้ำที่ไหลออกมามีลักษณะคล้ายตกขาวและไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ อาจถือเป็นเรื่องธรรมชาติ  

 

  1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

ในช่วงที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนเปลี่ยนแปลง เช่น ระหว่างรอบเดือน หรือช่วงก่อนและหลังการมีประจำเดือน อาจทำให้มีน้ำหรือสารคัดหลั่งออกมามากขึ้น ฮอร์โมนเหล่านี้ยังมีบทบาทในการทำให้เยื่อบุช่องคลอดชุ่มชื้นและเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ในบางกรณี  

 

  1. การตั้งครรภ์  

ในกรณีที่คุณกำลังตั้งครรภ์ อาจมีน้ำหรือของเหลวไหลออกมาจากช่องคลอดในตอนเช้าได้ ซึ่งอาจเป็นตกขาวที่เพิ่มขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ หรืออาจเป็นน้ำคร่ำ หากมีน้ำใสไหลออกมาในปริมาณมากและต่อเนื่อง ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจสอบว่ามีภาวะน้ำคร่ำรั่วหรือไม่  

 

  1. การติดเชื้อในช่องคลอด  

หากน้ำที่ไหลออกมามีสีหรือกลิ่นผิดปกติ เช่น สีเหลือง สีเขียว หรือมีกลิ่นเหม็น รวมถึงมีอาการคันหรือแสบร้อนร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis) หรือ การติดเชื้อรา (Candida Infection) ซึ่งต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์  

 

  1. ภาวะช่องคลอดแห้ง  

ในบางกรณีที่ช่องคลอดแห้ง อาจทำให้ต่อมในช่องคลอดผลิตสารหล่อลื่นออกมามากขึ้นในช่วงกลางคืน ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเครียด หรือการใช้ยาคุมกำเนิด  

 

  1. ภาวะน้ำหล่อลื่นไหลออกมาจากการกระตุ้นทางเพศ 

ในช่วงเวลานอนหลับ หากมีความฝันหรือการกระตุ้นทางเพศในรูปแบบใดก็ตาม อาจทำให้ต่อมที่ผลิตน้ำหล่อลื่นในช่องคลอดทำงานมากขึ้น ส่งผลให้น้ำหล่อลื่นไหลออกมาในตอนเช้า  

 

  1. ปัญหาทางสุขภาพอื่นๆ  

– โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs): เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม หรือเริม หากมีน้ำหรือหนองไหลออกมาพร้อมกับอาการปวดหรือแสบขณะปัสสาวะ ควรรีบพบแพทย์  

– ภาวะเนื้องอกหรือมะเร็งปากมดลูก: อาจทำให้มีของเหลวผิดปกติไหลออกมาจากช่องคลอด  

การดูแลและคำแนะนำ  

– สังเกตลักษณะของน้ำที่ไหลออกมา: สี กลิ่น ปริมาณ และอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  

– รักษาความสะอาดของช่องคลอด: ล้างด้วยน้ำเปล่าและหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีสารเคมีแรง  

– ปรึกษาแพทย์: หากน้ำที่ไหลออกมามีลักษณะผิดปกติ หรือมีอาการปวดหรือไม่สบายร่วมด้วย  

 

การเข้าใจสาเหตุและลักษณะของน้ำที่ไหลออกจากช่องคลอดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม และหากมีข้อสงสัยหรืออาการที่ผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที.

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

5 โรคร้ายแรงที่เกิดจากความดันโลหิตสูง 

ความดันโลหิตสูง (Hypertension) ถือเป็นโรคเงียบที่ส่งผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพ หากปล่อยให้ความดันโลหิตสูงโดยไม่ควบคุมอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ดังต่อไปนี้:  

  1. โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) 

ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ หลอดเลือดสมองแตก และ หลอดเลือดสมองตีบ ความดันโลหิตสูงทำให้หลอดเลือดในสมองเสื่อมสภาพ มีโอกาสเกิดการแตกหรืออุดตัน

ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ อาการที่พบบ่อยได้แก่ การอ่อนแรงด้านหนึ่งของร่างกาย การพูดลำบาก หรือหมดสติ หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจส่งผลให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิตได้  

 

  1. โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic Heart Disease) 

ความดันโลหิตสูงทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัวและตีบแคบลง (Atherosclerosis) ส่งผลให้หัวใจได้รับเลือดและออกซิเจนไม่เพียงพอ อาการที่พบบ่อยคือ เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย หรือหายใจลำบาก ในบางกรณีที่รุนแรง อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต  

 

  1. โรคหัวใจล้มเหลว (Heart Failure)  

ความดันโลหิตสูงทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือด ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้นและสูญเสียความยืดหยุ่น หัวใจอาจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาการที่พบได้แก่ หายใจลำบากเมื่อออกแรงหรือขณะนอนราบ ขาบวม หรืออ่อนเพลียเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษา โรคหัวใจล้มเหลวอาจลุกลามจนเป็นอันตรายร้ายแรง  

 

  1. โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease) 

ความดันโลหิตสูงส่งผลต่อหลอดเลือดในไต ทำให้ไตไม่สามารถกรองของเสียได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้เกิดภาวะไตเสื่อมและไตวายในระยะยาว อาการเบื้องต้นของโรคไตเรื้อรังอาจไม่ชัดเจน แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจต้องพึ่งพาการฟอกไตหรือการปลูกถ่ายไต  

 

  1. โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (Aortic Aneurysm)  

ความดันโลหิตสูงสามารถทำให้ผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta) อ่อนแอลงและโป่งพองออก หากหลอดเลือดโป่งพองแตก จะทำให้เกิดการเสียเลือดอย่างรุนแรงและเสียชีวิตได้ในเวลาอันสั้น อาการที่พบได้คือ ปวดท้องหรือเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์ทันที  

แนวทางป้องกันและดูแลตนเอง  

การป้องกันความดันโลหิตสูงและโรคร้ายแรงที่เกี่ยวข้องสามารถทำได้โดย  

– ควบคุมอาหาร ลดการบริโภคเกลือ ไขมัน และน้ำตาล  

– ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  

– หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์  

– ตรวจสุขภาพและวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ  

– ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และรับประทานยาตามที่สั่ง  

 

โรคที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูงเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม หากมีความดันโลหิตสูง ควรพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและติดตามผลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว. 

 

สนับสนุนโดย     เครื่องช่วยฟังโรงพยาบาลรัฐ

วัฒนธรรมการไหว้ของคนไทย ทำไมชาวต่างชาติถึงมองว่าแปลก แต่ก็ชื่นชอบ

วัฒนธรรมการไหว้ของคนไทยเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์และเป็นส่วนสำคัญของการแสดงออกทางสังคมในประเทศไทย การไหว้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การทักทายหรือแสดงความเคารพเท่านั้น

แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน และความเคารพต่อผู้อื่นในสังคม ซึ่งมีรากฐานลึกซึ้งในวัฒนธรรมและความเชื่อทางศาสนาของคนไทย

  1. ความหมายและการปฏิบัติของการไหว้

การไหว้ของคนไทยมีลักษณะเฉพาะคือการประสานมือไว้ที่หน้าอก แล้วก้มศีรษะเพื่อแสดงความเคารพ ความสูงต่ำของมือและการก้มศีรษะจะขึ้นอยู่กับสถานะหรือความสัมพันธ์ระหว่างผู้ไหว้กับผู้รับการไหว้

เช่น การไหว้พระสงฆ์หรือผู้ใหญ่จะใช้การไหว้ที่สูงกว่าและก้มศีรษะมากกว่าการไหว้เพื่อนหรือผู้ที่มีสถานะเท่ากัน การไหว้นี้ถือเป็นการแสดงออกถึงความเคารพและความอ่อนน้อมอย่างชัดเจน

 

  1. ความแตกต่างและความแปลกใหม่ในสายตาชาวต่างชาติ

เมื่อชาวต่างชาติเห็นการไหว้ครั้งแรก อาจรู้สึกแปลกตาเนื่องจากวัฒนธรรมการแสดงความเคารพในประเทศของพวกเขาแตกต่างกันออกไป

ในหลายวัฒนธรรมการทักทายหรือแสดงความเคารพมักจะใช้การจับมือ การโค้ง การโบกมือ หรือการกอด ซึ่งเป็นการแสดงออกที่ตรงไปตรงมามากกว่า

การไหว้ของคนไทยนั้นมีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนกว่า จึงทำให้ชาวต่างชาติรู้สึกว่าการไหว้เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อชาวต่างชาติได้เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของการไหว้ พวกเขามักจะรู้สึกชื่นชอบและเคารพในวัฒนธรรมนี้ เนื่องจากการไหว้เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนน้อมถ่อมตนและการให้เกียรติผู้อื่น

ซึ่งเป็นคุณค่าที่เป็นที่ยอมรับในทุกสังคม การที่คนไทยแสดงความเคารพผ่านการไหว้จึงทำให้ชาวต่างชาติรู้สึกว่าได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นมิตร

 

  1. การปรับตัวและการนำไปใช้ของชาวต่างชาติ

แม้ว่าชาวต่างชาติจะไม่คุ้นเคยกับการไหว้ในตอนแรก แต่พวกเขามักจะพยายามเรียนรู้และปฏิบัติตามเมื่ออยู่ในประเทศไทยหรือในสถานการณ์ที่ต้องการแสดงความเคารพต่อคนไทย

การไหว้กลายเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากทดลองและใช้เป็นการแสดงความเคารพเมื่อพวกเขารู้สึกประทับใจกับวัฒนธรรมไทย การที่ชาวต่างชาติพยายามไหว้นี้สะท้อนถึงความเปิดกว้างและการยอมรับในวัฒนธรรมที่แตกต่าง

 

  1. การไหว้ในบริบทสากล

ในบริบทสากล การไหว้ยังได้รับการยอมรับและนำไปปรับใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการแสดงความเคารพ เช่น ในการประชุมระหว่างประเทศ การเจรจาธุรกิจ

หรือการต้อนรับแขกที่มาจากวัฒนธรรมเอเชีย การไหว้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงวัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจระหว่างผู้คนจากต่างประเทศ

วัฒนธรรมการไหว้ของคนไทยเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์และมีความสำคัญทางสังคมอย่างยิ่ง แม้ว่าชาวต่างชาติอาจมองว่าแปลกใหม่และแตกต่างจากวัฒนธรรมของพวกเขา

แต่ด้วยความหมายและความสำคัญของการไหว้ที่แสดงถึงความเคารพและความอ่อนน้อม ชาวต่างชาติจึงมักชื่นชอบและยอมรับวัฒนธรรมนี้อย่างอบอุ่น

การไหว้ไม่เพียงแค่เป็นการทักทายหรือแสดงความเคารพ แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการเชื่อมโยงระหว่างผู้คนจากต่างวัฒนธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ถ่านเครื่องช่วยฟัง

รวมมิตร 3 เรื่องบ้าน สไตล์ตกแต่ง ห้องนอนที่ดี เสริมฮวงจุ้ยห้องทำงาน

การตกแต่งบ้านที่ดีควรจะทำให้เป็นหลักเป็นกิจจะลักษณะ อีกทั้งควรถูกต้องตามฮวงจุ้ย หรือแม้กระทั่งที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ วันนี้เราจึงจะบอกทริคสามอย่างในการตกแต่งบ้าน ทั้งสไตล์การแต่งบ้านยอดฮิต การจัดห้องนอนให้ส่งผลดีต่อสุขภาพ และของเสริมฮวงจุ้ยในห้องทำงาน

สไตล์การแต่งบ้านยอดฮิต

– Metal เป็นกระแสการแต่งบ้านที่มาแรงสุด ๆ มันก็คือเครื่องเรือนที่ผลิตจากวัสดุโลหะ เหมาะสมมากที่จะเอามาตกแต่งในสไตล์ Loft มองเห็นได้มากกับการตกแต่งห้องอาหาร โฮเต็ล หรือค๊อฟฟี่ช็อป

การตกแต่งด้วยเครื่องเรือนที่ทำมาจากโลหะแวววาวทำให้มองหรูดูดิบๆ แม้กระนั้นในเวลาเดียวกันหากมากจนเกินความจำเป็นก็อาจจะก่อให้รู้สึกอึดอัดได้

 

– Earth Tone นี้คงจะไม่กล่าวถึงสไตล์นี้มิได้ กับการแต่งบ้านด้วยสีแนวนี้ มาแรงสุด ๆ ในยุคนี้ไม่ใช่แค่กับการแต่งบ้าน แม้กระนั้นรวมถึงการแต่งตัว แฟชั่นต่าง ๆ ด้วย เพราะเป็นโทนสีพื้น สบายตา และก็มองอบอุ่น เรียบง่ายแต่ว่าดูดี เน้นย้ำการใช้สอย โดยสีพื้น ๆ กลุ่มนี้เป็นการนำเอาสีขององค์ประกอบของโลกมากมาย ใช้เพื่อสำหรับในการตกแต่งนั่นเอง อาทิเช่น สีฟ้าอ่อน สีน้ำตาล สีเขียวแบบธรรมชาติ ฯลฯ

การจัดห้องนอนให้ส่งผลดีต่อสุขภาพ

– ห้องนอนที่สว่างพอเพียง ห้องนอนที่ดีต่อร่างกายของควรจะเป็นห้องนอนที่โดนแสงสว่างของดวงตะวันในรุ่งแจ้งอย่างมาก แล้วก็สลับกันในเวลากลางคืน ด้านในห้องนอนน่าจะมืดมิดโดยที่ไม่มีแสงสว่างจากข้างนอกห้องเข้ามาก่อกวนการนอนของพวกเราได้นั่นเอง ซึ่งการเลือกผ้าม่านก็สำคัญเพราะว่าผ้าม่านส่งผลต่อปริมาณแสงตะวันที่จะส่องเข้ามาข้างในห้อง

 

– ห้องที่ไม่สะสมความชุ่มชื้น นอกเหนือจากการที่จะจะต้องเป็นห้องนอนที่ปราศจากฝุ่นละอองแล้ว ควรจะเป็นห้องนอนที่ปราศจากความชุ่มชื้นด้วย เนื่องมาจากความชุ่มชื้นนั้นสามารถนำพาเชื้อโรคที่เป็นโทษต่อพวกเราได้ ควรจะสังเกตข้างในห้องนอนของพวกเราว่ามีจุดไหนที่มีน้ำรั่วซึม หรือเป็นรอยร้าวที่อาจก่อให้ความสอบถามหาได้แล้วจัดแจงซ่อมบำรุงโดยเร่งด่วน นอกนั้นควรจะเปิดประตูหรือหน้าต่างให้อากาศระบายออกสู่ด้านนอก รวมถึงเปิดให้แสงตะวันสามารถส่องถึงด้านในห้องนอนได้ก็จะช่วยไล่ความชุ่มชื้นออกไปได้

 

ของเสริมฮวงจุ้ยในห้องทำงาน

– พัดลม ตัวไม่ต้องใหญ่มาก ตัวเล็ก ๆ สักตัวก็พอตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน นอกเหนือจากการที่จะช่วยทำให้ความเย็นในระหว่างการทำงานได้แล้ว ตามความเชื่อถือหลักฮวงจุ้ย จะช่วยเสริมเรื่องของมิตรภาพ และก็มีคนหนุนนำ เสนอแนะให้วางไว้ภายในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโต๊ะทำงาน

– หินนำโชค ข้างหน้าของโต๊ะทำงานนับว่าเป็นจุดดูดสินทรัพย์ตามหลักฮวงจุ้ย ให้หาหินนำโชค มาวางไว้หน้าโต๊ะทำงาน จะช่วยเรียกทรัพย์สมบัติแล้วก็ขจัดสิ่งเลวร้ายออกไป

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย      คาสิโน เวียดนาม ฮานอย

ตำนานความเชื่อเกี่ยวกับนางเงือกจากทุกมุมโลก

ตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับนางเงือกมีความหลากหลายและพบได้ในวัฒนธรรมจากทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป เอเชีย อเมริกา แอฟริกา และโอเชียเนีย นางเงือกถูกบรรยายว่าเป็นสิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งปลา

โดยมีร่างท่อนบนเป็นหญิงสาวสวยงามและท่อนล่างเป็นหางปลา ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกสะท้อนความเชื่อที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับธรรมชาติ มหาสมุทร และความไม่แน่นอนของโลกใต้ท้องทะเล ซึ่งเป็นที่มาของความเชื่อว่าพวกเขาอาจมีอยู่จริง

ความเชื่อจากยุโรป

ในยุโรป นางเงือกถูกบรรยายในหลายตำนาน โดยเฉพาะในนิทานพื้นบ้านของชาวกรีก โรมัน และเซลติก ตำนานของกรีกเล่าถึง “เซอร์เรน” (Sirens) ซึ่งเป็นนางเงือกที่มีเสียงร้องเพลงล่อลวงกะลาสีให้หลงทางและเสียชีวิตในทะเล

ส่วนในนิทานโรมันและยุโรปเหนือ นางเงือกถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความงามและอำนาจเหนือธรรมชาติ แต่ก็อันตรายต่อมนุษย์

นักเดินเรือมักพบเห็นสิ่งที่เชื่อว่าเป็นนางเงือกขณะเดินเรือกลางมหาสมุทร โดยเชื่อว่าพวกเขาเป็นทั้งเทพผู้ปกปักษ์คุ้มครองหรือเป็นผู้ล่อลวงมนุษย์ไปสู่ความหายนะ

 

 ความเชื่อจากเอเชีย

ในเอเชีย ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกมีอยู่หลากหลายเช่นกัน ในญี่ปุ่น มีเรื่องราวเกี่ยวกับ “นิงเงียว” (Ningyo) ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายปลาและมีใบหน้าคล้ายมนุษย์ เชื่อว่าการจับหรือลิ้มลองเนื้อของนิงเงียวจะทำให้คนที่กินมีอายุยืนยาว

แต่ก็อาจนำพาความโชคร้ายมาให้เช่นกัน ในประเทศไทย นางเงือกเป็นที่รู้จักในฐานะตัวละครจากวรรณคดีไทยเรื่อง “พระอภัยมณี” ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับโลกของภูตผีและเวทย์มนต์ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่ว่านางเงือกเป็นสิ่งมีชีวิตที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและน้ำ

 

ความเชื่อจากแอฟริกาและอเมริกา

ในแอฟริกา นางเงือกเป็นที่รู้จักในนาม “มามีวาตะ” (Mami Wata) ซึ่งเป็นเทพีแห่งน้ำที่มีพลังในการรักษาโรคและนำความมั่งคั่งมาให้ แต่ในขณะเดียวกันก็น่าหวาดกลัวเพราะอาจทำให้เกิดภัยพิบัติ ในอเมริกาใต้และแคริบเบียน

ความเชื่อเกี่ยวกับนางเงือกมาจากการผสมผสานของวัฒนธรรมพื้นเมืองและวัฒนธรรมแอฟริกันที่นำเข้ามาโดยทาส มีเรื่องเล่าว่านางเงือกจะปรากฏตัวในแม่น้ำหรือทะเลสาบเพื่อนำโชคร้ายหรือความเจ็บป่วยมาให้กับผู้ที่พบเห็น

 

ความเชื่อในนางเงือกมาจากการผสมผสานของหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือการอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือสิ่งที่มนุษย์ไม่เข้าใจ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงท้องทะเลและน้ำ

ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความลึกลับและท้าทายในการทำความเข้าใจ การเดินเรือในอดีตมักเป็นการเผชิญกับความไม่แน่นอนและอันตราย ซึ่งทำให้เกิดเรื่องเล่าเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในทะเลที่สามารถส่งผลต่อชะตากรรมของมนุษย์

นอกจากนี้  เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก    การพบเห็นสัตว์ทะเล เช่น พะยูนหรือแมวน้ำ ที่อาจมีรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ในบางครั้ง อาจทำให้เกิดการเล่าขานและผูกเรื่องราวเข้ากับความเชื่อทางศาสนาและจิตวิญญาณ

 

นางเงือกยังเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความหลงใหลในความงามและความลึกลับ ทั้งยังเป็นตัวแทนของความไม่แน่นอนและอันตรายที่แฝงอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งทำให้ตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับนางเงือกยังคงเป็นที่สนใจและถ่ายทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน